เปิดตัว Leica M11 Monochrome “A symphony of light and shadow” ดื่มด่ำไปกับท่วงทำนองความคลาสสิค ที่บรรเลงด้วยแสงและเงา อันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica
ถ้าจะมีแบรนด์ไหนสักแบรนด์ กล้าหาญที่จะทำกล้อง Rangefinder กล้องที่เป็นระบบโฟกัสกลไกอันเป็นตำนานมากว่า 70 ปี แถมยังเป็นกล้อง Rangefinder ที่ถ่ายได้เพียงภาพขาวดำแบบ Monochrome นอกจากแบรนด์นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งสูง มีสตอรี่ที่ทำให้ทุกคนหลงใหล พวกเขายังต้องเข้าใจในตัวตนของตัวเอง และเข้าใจในความหลงใหลที่ผู้คนมีต่อแบรนด์เป็นอย่างมากอีกด้วย จึงจะทำกล้องแบบที่ว่ามา แล้วประสบความสำเร็จจนพัฒนามาถึง Generation ที่ 4 ได้ และนี่คือ Leica M11 Monochrome
โดยพื้นฐานการออกแบบของ Leica M11 Monochrome นั้น จะมีสเป็คหลักแบบเดียวกับ Leica M11 ที่ใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 60 ล้านพิกเซล ที่สามารถเลือกความละเอียดเป็น 60,36,18 ล้านพิกเซลได้เช่นกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ เปลี่ยนจาก เซ็นเซอร์สีแบบ Bayer มาใช้เซ็นเซอร์ขาวดำที่มีจุดเด่นในเรื่องของความคมชัด การจัดการความเปรียบต่างของแสง และการใช้งานในที่แสงน้อยได้ดีมากกว่าแทน กับเพิ่มเติมหน่วยความจำภายในจาก 64GB เป็น 256GB นอกนั้น สเป็คทุกอย่าง ยกเครื่องมากจาก Leica M11 ทั้งหมด �
นอกจากนี้ ในส่วนของการออกแบบ ก็มีความแตกต่างจาก M11 นิดหน่อย โดยตัวกล้องมาในสไตล์ Minimal สีดำล้วน เคลือบป้องกันรอยขีดข่วน ในส่วนของวัสดุ ใช้เป็น magnesium และ aluminum แทน แตกต่างจาก M11 ที่สีดำ จะใช้วัสดุเป็นทองเหลือง กับสีเงิน ที่ใช้ aluminum รวมถึงการนำโลโก้จุดแดงออกไป ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบของ Leica M Monochrome ในทุกๆรุ่น เป็นกิมมิคเล็กๆที่ Leica ตั้งใจออกแบบ เพราะตรงจุดนี้ ผู้ใช้งาน Leica หลายๆ คนมักนำอะไรมาปิดทับไว้ เพื่อไม่ให้เตะตามิจฉาชีพ หรือเพื่อไม่ให้กล้องโดดเด่นเกินไป ป้องกันความตื่นตระหนกเวลายกมาถ่ายภาพผู้คนทั่วไป
โดยเหตุผลที่ทำให้ Leica กล้าที่จะทำกล้อง Rangefinder Monochrome ออกมานั้น ประการแรกคือการใช้งานกล้องแบบ Rangefinder ผู้ใช้งานจะเห็นแสงและเงาที่แท้จริง ไม่เหมือนการมองด้วยช่องมองภาพแบบ Electronic ที่กล้องจะประมวลผลแสงเงามาให้แล้ว ทำให้อาจพลาดในบางรายละเอียดไป นอกจากนี้ การโฟกัสแบบ Rangefinder ยังทำให้ผู้ใช้งาน เพ่งสมาธิไปกับการหาจุดโฟกัส การจัดองค์ประกอบภาพ การมองแสงและเงา ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้หลายคนหลงใหลไปกับการใช้กล้อง Leica ที่ผู้ใช้งานกับกล้อง หลอมหลวมเป็นหนึ่งเดียวกันยามลั่นชัตเตอร์
ประการที่สอง คุณภาพของเซ็นเซอร์แบบขาวดำ ที่มีจุดเด่นเรื่องของความคมชัด การจัดการความเปรียบต่างแสง และการใช้งานในที่แสงน้อยที่ทำได้ดีกว่าเซ็นเซอร์สีทั่วไป ด้วยเหตุผลที่ว่า พื้นฐานการทำงานของเซ็นเซอร์รับภาพนั้น แต่ละพิกเซลจะเป็น Photo diode ที่รับค่าเพียงความมืดและสว่างของแสง ทำให้รับรู้สีเป็นเพียงขาวและดำ การที่จะทำให้เป็นภาพสี จะต้องใส่ Color filter ลงไปที่หน้าเซ็นเซอร์ ซึ่งแต่ละพิกเซล จะใช้สี แดง เขียว น้ำเงิน (RGB) ไม่เหมือนกัน สลับกันไปในแต่ละพิกเซล แม้จะได้ภาพสี แต่ก็ลดทอนความคมชัดของภาพไป รวมถึงการไล่โทนสีต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับการประมวลผลด้วยซอร์ฟแวร์ ทำให้สูญเสียโทนของแสงที่แท้จริงไป และแม้ว่ากล้องที่ใช้เซ็นเซอร์สี จะถ่ายภาพแบบขาวดำได้ แต่ก็เป็นการประมวลผลด้วยซอร์ฟแวร์เป็นหลัก ไม่เหมือนการบันทึกแสงและเงาโดยตรงแบบที่เซ็นเซอร์แบบ Monochrome ทำงาน
ประการที่สาม โทนสีขาวดำอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่อาจลอกเลียนของ Leica ที่ขึ้นชื่อในเรื่องขอการไล่โทนแสงและเงา คอนทราสต์ ความคมชัด ที่เกิดจากการประมวลผลแบบเอกสิทธิ์ของ Leica และคาแร็คเตอร์ของเลนส์ต่างๆ ที่ให้แสงเงา มิติความคมชัด ความเข้มของสีสันต่างๆไม่เหมือนกัน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้ผู้ใช้งาน Leica นิยมถ่ายภาพแบบขาวดำ และ Leica เอง ก็เข้าใจจุดแข็งตรงนี้ของตัวเองดี จึงได้ทำกล้อง Monochrome ออกมาให้สาวกได้เลือกใช้กัน แสดงให้เห็นถึงความไม่ประนีประนอมต่อสิ่งใดของ Leica แบบว่า ถ้าจะถ่ายภาพขาวดำ ก็ขาวดำไปให้คุณภาพสุดๆไปเลย
พร้อมเปิดราคาที่ 335,400.- ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ BIG Camera ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ www.bigcamera.co.th
ร้าน Exclusif by BIG Camera ชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0-2003-4810, 065-939-8330 ศูนย์รวมกล้องระดับ Professional , กล้องถ่ายวีดีโอระดับ Production และอุปกรณ์ถ่ายภาพครบวรจร
ที่ BIG Camera สาขา
• สยาม พารากอน ชั้น 2 โทร 0-2129-4763
• เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 4 โทร 0-2646-1080
• เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 3 โทร 0-2937-1763
• เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ชั้น 3 โทร 0-5328-8917
• แฟชั่น ไอซ์แลนด์ โทร 0-2004-8688
• ไอคอน สยาม ชั้น 4 โทร 0-2003-4618, 065-528-6312
#BIGCamera ศูนย์รวมกล้องดิจิตอลที่มีความสุขให้เลือกมากที่สุด
#Leica #LeicaM11
*สินค้าประกันศูนย์